กว่าจะได้ Espresso 1 ช็อต จะต้องทำอะไรบ้าง!?

1 1

สวัสดีค่ะ วันนี้ Cafe At Home จะมาชวนเพื่อน ๆ ดูว่า หลังจากที่เราบดกาแฟเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะดึงช็อตกาแฟออกมาได้ เรามีขั้นตอน และอุปกรณ์ใดที่ใช้เพื่อทำให้การสกัดกาแฟมีประสิทธิภาพสูงสุด

2 1

ด้วยยุคสมัยนี้เราดื่มกาแฟที่มีคุณภาพมากขึ้น เกษตรกรมีความรู้และใส่ใจขั้นตอน process กาแฟมากขึ้น โรสเตอร์มีอุปกรณ์และเทคนิคสมัยขึ้น กาแฟจึงมีราคาที่แพงขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยรสชาติซับซ้อนที่ส่งต่อกันมาจากเกษตรกร โรสเตอร์ จนถึงมือเรา เพราะฉนั้นการที่จะดึงคุณภาพออกมาได้นั้น จึงตามมาด้วยขั้นตอนที่ละเอียดละออมากขึ้น โดยคาดหวังว่าเราจะนำทั้งกรรมวิธี และเทคนิคที่ต้นทางตั้งใจส่งมา สกัดลงถึงถ้วยกาแฟได้มากที่สุด

ขั้นตอนการนำกาแฟเข้าสู่ portafilter นั้น มีอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันในยุคนี้

3

เพื่อทำให้ผงกาแฟที่บดมาอย่างกระจัดกระจาย มาแพ็กติดกันเป็นก้อน (puck) ซึ่งขั้นตอนนี้มักจะเรียกกันว่า puck prep หรือ puck distribution

1. เกลี่ย (Puck Raking)

4 1

Puck Raking ซึ่งเพื่อน ๆ อาจเคยเห็นวัสดุที่เหมือนเข็มหลาย ๆ อันที่ใช้เกลี่ยผงกาแฟ หลายคนอาจงงว่าวิธีนี้มันจำเป็นจริง ๆ ไหม เอาเข็มเกลี่ยผงมันจะไปทำให้กาแฟดีขึ้นได้ยังไง จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า การเกลี่ยเป็นการ “ป้องกัน” การเกิด channeling ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายที่สุดของ espresso เพราะช็อตที่เกิด channeling ไม่สามารถสังเกตด้วยตาได้เมื่อกาแฟลงแก้วไปแล้ว และรสชาติของกาแฟ แก้วนั้นก็อาจเกิดความเปรี้ยวและขม จนไม่เหลือเอกลักษณ์ของมัน

เข็มเกลี่ยกาแฟมีหน้าที่เกลี่ยก้อนกาแฟที่เกาะกันเป็นก้อน ที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตย์ของเฟืองบด การที่ผงกาแฟเกาะกันเป็นก้อน เล็กบ้างใหญ่บ้าง ทำให้ก้อน puck มีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ส่งผลให้น้ำวิ่งไปสกัดในส่วนที่ความหนาแน่นน้อย ซึ่งทำให้ส่วนนี้โอเวอร์ มีรสขม และส่วนที่หนาแน่นมากเกิดการสกัดน้อยหรืออันเดอร์ มีรสเปรี้ยว ซึ่งกาแฟในถ้วยก็จะได้แต่เพียง 2 รสนี้

เราอาจเคยเห็นร้านกาแฟหลายร้านข้ามขั้นตอนนี้ไป ซึ่งในมุมมองของร้านแล้ว เราอาจมองว่าหากไม่เกิดไฟฟ้าสถิตย์ ก็ไม่จำเป็นต้องเกลี่ย แต่ในความเป็นจริงไฟฟ้าสถิตย์ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้ ความชื้นเปลี่ยน อุณหภูมิเปลี่ยน ก็สามารถทำให้มีโอกาสในการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ได้มากขึ้น

อีกทั้งในมุมมองของลูกค้าแล้วนั้น ยิ่งถ้ากาแฟที่เราสั่งเป็นเมล็ดแพง ๆ เราย่อมอยากให้บาริสต้าใช้ทุกกรรมวิธี ที่จะดึงรสชาติเมล็ดนั้นออกมาได้มากที่สุด ให้สมกับราคาที่เราจ่ายไป หากเราเห็นบาริสต้าใส่ใจกับกาแฟของเราด้วยการใช้ขั้นตอนนี้ ย่อมทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับเงินของเรา

สำหรับอุปกรณ์นี้ Cafe at home ขอแนะนำ เข็มเกลี่ยของแบรนด์ฮอตสุดในขณะนี้ MHW-3Bomber: Waltz ซึ่งออกแบบเป็น socket พอดีกับฟิลเตอร์ขนาด 51/53/58 mm สามารถเกลี่ยได้อย่างรวดเร็ว ไม่หกเลอะเทอะ เพิ่ม workflow อย่างดีเยี่ยม สามารถสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้  >>MHW-3Bomber: Waltz<<

2. ระนาบ (Leveling)

5 3

Leveling เป็นการกระจายพื้นหน้าของ puck ให้เรียบ และกระจายความหนาแน่นบนหน้า puck ก่อนที่เราจะทำการแพ็กด้วยการแทมป์ ในยุคเก่าเราอาจเคยเห็นบาริสต้าทำวิธีนี้ด้วยมือหรือนิ้วปาดกาแฟส่วนเกิน หรือท่าที่โด่งดังแบบ Stockfletch method แต่ในยุคนี้ที่เราตวงกาแฟด้วย ratio กันแบบเป๊ะๆแล้ว การใช้เทคนิคแบบเก่าย่อมทำให้เกิดการเสียผงกาแฟแน่นอนผงกาแฟที่ตวงมาจึงไร้ความหมายไป แต่การใช้อุปกรณ์ หรือ Leveling tool ย่อมทำให้ได้ผลที่แม่นยำและได้ช็อตที่นิ่งกว่า ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อ Leveling tool ตามวัสดุ หรือสไตล์ที่ชอบได้ และอุปกรณ์นี้มักจะมาเข้าคู่กับ Tamper ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้อถัดไปนี้

3. กด (Tamping)

6 1

Tamping เป็นการกดผงกาแฟให้แนบชิดกันเพื่อให้หรือช่องอากาศระหว่างอณูกาแฟให้เหลือเท่า ๆ กัน เพราะความ “เท่ากัน” หรือ Uniformity คือหัวใจหลักของการสกัด Espresso เพื่อน ๆ จะเห็นได้ว่าทุกขั้นตอนที่เราทำมาคือการหลีกหนีความ “ไม่เท่ากัน” ทั้งนั้น

ในยุคนี้เพื่อน ๆ อาจรู้กันแล้วว่า งานวิจัยหลายงานไม่พบความแตกต่างของแรงกดแทมป์อย่างมีนัยยะสำคัญ แต่สิ่งสำคัญคือการแทมป์ที่ต้องไม่เอียง และหลายร้านดัง ๆ นิยมใช้เครื่องแทมป์ เพราะการควบคุมทุกตัวแปรให้เท่ากันทุกครั้งคือการขจัดโอกาสที่ผิดพลาดได้ดีที่สุด แต่หากเพื่อน ๆ ทำกาแฟที่บ้าน การซื้อเครื่องแทมป์มาใช้ทำวันละสองแก้ว ก็อาจดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ The Force Tamper สามารถตอบโจทย์นี้ได้ เพราะสามารถกำหนดแรงแทมป์ให้เท่ากันทุกครั้งได้ 

สนใจสั่งซื้อ The Force Tamper >>คลิก<<

7 2

ก่อนจะจบบทความนี้ไป แอดมินขอเสริมเรื่องที่เป็นที่สนใจกันในขณะนี้ก็คือ ลายหน้าแทมป์ หรือ Tamp Face อย่างลายลอนคลื่น (Thread) หรือลายนูน (Convex) นั้นส่งผลอะไรกับรสชาติไหม?

เราเสียใจที่ต้องบอกว่าการศึกษาอย่างจริงจังของ Tamp Face นั้นยังไม่มี ส่วนมากจะเป็นการทำเพื่อสร้างสไตล์ของบาริสต้าเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ในฟอรั่มต่างประเทศ มีการคุยกันว่า Tamp face แบบต่างๆ ให้รสชาติต่างจากหน้าเรียบปกติอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นหน้าแบบ thread หรือ ripple ให้ความหวานมากกว่า หรือแบบ convex ซึ่งทำให้น้ำไปรวมกันตรงกลางของ puck จะให้รสชาติแตกต่างออกไปอย่างไร ตรงนี้ทาง Cafe At Home ไม่สามารถฟันธงให้ได้ ต้องขอให้ลูกค้าไปทดลองดู และกลับมาบอกเรากันบ้างนะคะ^^

ขอบคุณที่ให้โอกาส Cafe At Home ดูแลค่ะ

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

บันทึกการตั้งค่า