Lifestyle
ดริปกาแฟ ฉบับนักดื่มมือใหม่ ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ?
กาแฟดริป (Dripcoffee) ปัจจุบันถือเป็นกาแฟทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เห็นได้จากการที่ร้านกาแฟหลาย ๆ ร้านก็เริ่มเพิ่มเมนูกาแฟดริปเข้าไปเพื่อหวังเจาะตลาดกลุ่มใหม่ ๆ แต่ราคารวม ๆ ของกาแฟดริปที่เฉลี่ยอยู่ที่แก้วละ 100 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าไม่ได้ถูกนักสำหรับมนุษย์เงินเดือน หากอยากลิ้มลองรสกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟทุก ๆ วันก็ต้องประหยัดงบด้วยการดริปกาแฟเอง
ทำไมกาแฟดริปถึงได้รับความนิยม?
- รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์: กาแฟดริปสามารถดึงเอารสชาติที่ซับซ้อนของเมล็ดกาแฟออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรสเปรี้ยวหวาน หรือกลิ่นดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือผลไม้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟ
- กระบวนการชงที่พิถีพิถัน: การชงกาแฟดริปต้องอาศัยความละเอียดอ่อน ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การควบคุมอุณหภูมิของน้ำ และการเทน้ำลงบนกาแฟบด ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำให้ผู้ชงได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่น่าสนใจและผ่อนคลาย
- ความหลากหลายของรสชาติ: ด้วยการเลือกเมล็ดกาแฟที่แตกต่างกัน และปรับเปลี่ยนอัตราส่วนของน้ำและกาแฟ ก็สามารถสร้างสรรค์รสชาติของกาแฟดริปได้มากมายนับไม่ถ้วน
แต่ทำไมกาแฟดริปถึงมีราคาสูง?
แม้ว่ากาแฟดริปจะมีรสชาติที่โดดเด่น แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกาแฟชนิดอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้ว กาแฟดริปหนึ่งแก้วจะมีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้บริโภคทั่วไป โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของกาแฟดริป ได้แก่
- คุณภาพของเมล็ดกาแฟ: เมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกที่ดี จะมีราคาสูงกว่าเมล็ดกาแฟทั่วไป
- วิธีการคั่ว: การคั่วเมล็ดกาแฟแต่ละระดับก็จะมีราคาที่แตกต่างกัน
- อุปกรณ์ในการชง: อุปกรณ์สำหรับชงกาแฟดริปมีหลากหลายแบบ ตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงแบบพรีเมียม ซึ่งราคาของอุปกรณ์ก็จะส่งผลต่อราคาของกาแฟด้วย
- ค่าแรงของบาริสต้า: การชงกาแฟดริปต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของบาริสต้า ซึ่งจะส่งผลต่อค่าแรงที่ต้องจ่าย
ดริปกาแฟเอง ประหยัดเงินและสนุก
หากคุณเป็นคนรักกาแฟดริป และอยากลิ้มลองรสชาติที่หลากหลาย แต่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายสูงๆ การลงทุนซื้ออุปกรณ์ชงกาแฟดริปมาชงเองที่บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี นอกจากจะได้กาแฟรสชาติอร่อยตามใจชอบแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้อีกด้วย และที่สำคัญ การชงกาแฟดริปเองยังเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายและสนุกสนานอีกด้วย
☕️ เพื่อน ๆ ที่สนใจหันมาชื่นชอบการดื่มกาแฟ ก่อนจะเริ่มต้นดริปกาแฟ ก็ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และต้องมีอะไรบ้าง
วันนี้ Cafe At Home มีไกด์อุปกรณ์จำเป็นสำหรับดริปกาแฟจากแบรนด์ดังมาให้เหล่าคอกาแฟให้เลือกแล้ว ไปดูกันเลย! ⚡️
1. ตาชั่งดิจิทัล
ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก เพราะเราจะใช้ตาชั่งในการชั่งปริมาณของเมล็ดกาแฟและน้ำที่เราใช้นั่นเอง
🛒 : https://shope.ee/3L5A7hqDuC
2. เครื่องบดกาแฟ
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดเสร็จใหม่ ๆ จะมีความสด หอม อร่อย กว่าเมล็ดกาแฟที่บดทิ้งไว้มาก หากต้องการความสดใหม่ทุกวันจึงจำเป็นต้องบดเมล็ดกาแฟสด ๆ แล้วดริปทันที
🛒 : https://s.shopee.co.th/40KqrDWjo4
3. กาดริปกาแฟ
กาดริปกาแฟที่ดีควรควบคุมสายน้ำและมุมการตกของน้ำได้ง่าย กล่าวคือขณะเทน้ำและแกว่ง/สะบัดข้อมือ น้ำควรทำมุมตกกระทบ 90 องศา เนื่องจากจะทำให้ผู้ดริปคาดการตำแหน่งของน้ำที่จะตกกระทบลงบนผงกาแฟได้ง่าย
🛒 : https://shope.ee/7fE9FZV2l1
4. เหยือกดริป/เหยือกเสิร์ฟกาแฟ
ส่วนใหญ่จะมีขนาดให้เลือกเป็นเบอร์ 01 (สำหรับ 1-2 เสิร์ฟ ประมาณ 360 ml.) / 02 (สำหรับ 2-4 เสิร์ฟ ประมาณ 600 ml.) การเลือกปากเหยือกที่ดีเมื่อเทน้ำกาแฟควรเป็นเส้น ไม่ควรเลอะขอบเหยือกจนย้อยลงก้นเหยือก และมีขนาดปากแก้วเหมาะสมกับขนาดของดริปเปอร์
🛒 : https://s.shopee.co.th/5V9f3SDgi1
5. ดริปเปอร์
กรวยดริปกาแฟ การใช้งานส่วนใหญ่ต้องใช้คู่กับกระดาษกรองกาแฟ กรวยดริปควรวางแล้วพอดีกับเหยือก จะเห็นได้ว่ากรวยดริปมีขายหลากหลายรูปแบบ โดยทั่วไปมีให้เลือก 3 แบบ คือ ทรง V Shape (V60), ทรงคางหมู, ทรง wave
🛒 : https://shope.ee/6APLQSCLFt
6. กระดาษกรอง
รสชาติของกาแฟจะออกมาเป็นอย่างไร กระดาษกรองก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ โดยทั่วไปมีให้เลือก 3 แบบ คือ ทรง V Shape (V60), ทรงคางหมู, ทรง wave
การเลือกใช้กระดาษกรองควรเลือกรูปทรงให้ตรงกับดริปเปอร์ เช่น ใช้ดริปเปอร์ทรง V60 ขนาด 01 ก็ควรเลือกรูปทรงกระดาษกรองเป็นทรง V60 ขนาด 01 เป็นต้น
🛒 : https://s.shopee.co.th/8pQ6cvOXCD
7. เครื่องวัดอุณหภูมิ (เทอร์โมมิเตอร์)
ช่วยให้ควบคุมตัวแปรทางด้านอุณหภูมิ และทำรสชาติออกมาได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น
🛒 : https://s.shopee.co.th/7fE9eku2VP
คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นชงกาแฟดริป
- เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม: เริ่มต้นจากอุปกรณ์ชงกาแฟดริปแบบง่ายๆ เช่น V60 หรือ Clever Dripper
อ่านบทความ: ดริปเปอร์ที่ต่างกัน ส่งผลต่อรสชาติกาแฟอย่างไร ? - เลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดี: เลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วกลางหรือคั่วอ่อน เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มนวลและซับซ้อน
- บดเมล็ดกาแฟให้ละเอียด: ขนาดของการบดเมล็ดกาแฟจะมีผลต่อรสชาติของกาแฟดริป
อ่านบทความ : ระดับบดเมล็ดกาแฟสำคัญอย่างไร ? - ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ: อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับชงกาแฟดริปอยู่ที่ประมาณ 92-96 องศาเซลเซียส
- ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: การชงกาแฟดริปต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยและคงที่
อ่านบทความ : Brewing factor | 6 ปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติกาแฟ มีอะไรบ้าง?
สรุป
กาแฟดริปถือว่าเป็นกาแฟที่ดื่มง่าย ได้กลิ่นและรสสัมผัสจากเมล็ดกาแฟอย่างแท้จริง แถมการชงกาแฟดริปยังช่วยสร้างความผ่อนคลายระหว่างวันอีกด้วย หากเพื่อน ๆ อยากเริ่มต้นทำกาแฟดริป อุปกรณ์ดริปกาแฟ มีไม่มากอย่างที่คิด สามารถทำเองได้ที่บ้าน รับรองว่าการดื่มกาแฟของคุณจะพิเศษขึ้นกว่าเดิมแน่นอน 🥰
คำสำคัญ: กาแฟดริป, Drip Coffee, วิธีชงกาแฟดริป, อุปกรณ์ชงกาแฟดริป, เมล็ดกาแฟ, รสชาติกาแฟ, ราคากาแฟ, กาแฟโฮมเมด