หากนึกถึงเครื่องดื่มที่ช่วยปลุกความสดชื่นให้ตื่นได้ทั้งวัน หลาย ๆ คนก็น่าจะนึกถึง “กาแฟ” เป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความตื่นตัวของร่างกายและสมอง ปลุกความสดชื่นให้สมองปลอดโปร่ง ☕️🌤️
แต่กาแฟแก้วโปรดของคุณ อาจมีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เมื่อได้รับเกินความพอดี โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์บางประการหรือดื่มร่วมกับยาบางชนิด ผู้ใช้จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยและพึงระมัดระวัง ดังนี้
1. กาแฟประกอบด้วยสารคาเฟอีนที่สามารถก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ และผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้
2. การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจทำให้ปวดศีรษะ วิตกกังวล หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
3. การดื่มกาแฟจนติดเป็นเป็นนิสัยอาจส่งผลให้ขาดกาแฟไม่ได้ และอาจมีอาการที่เกิดจากการขาดคาเฟอีนหากเลิกดื่มกาแฟอย่างฉับพลัน
4. กาแฟที่ชงแบบไม่กรองอาจมีปริมาณคอเลสเตอรอล ไขมันชนิดไม่ดี และระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์โดยรวมมากกว่ากาแฟชนิดอื่น ซึ่งจะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ทางที่ดีจึงควรดื่มกาแฟชงแบบกรองเพื่อลดคอเลสเตอรอล
5. การดื่มกาแฟมากกว่า 5 แก้วต่อวัน อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจนั้น การดื่มกาแฟหลาย ๆ แก้วต่อวัน ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจแต่อย่างใด
6. ฤทธิ์การกระตุ้นประสาทของคาเฟอีน อาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น และทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ชั่วคราว ซึ่งสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง การดื่มกาแฟอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
7. การดื่มกาแฟอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ในบางคน นอกจากนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงและดื่มกาแฟทุกวันแต่ไม่เกินวันละ 1 แก้ว ก็ยังอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันสูงขึ้นได้ โดยจะเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากดื่มกาแฟ
ปริมาณการดื่มกาแฟที่ปลอดภัย
ปริมาณกาแฟที่ดื่มรักษาโรคชนิดต่าง ๆ ตามที่มีการศึกษาวิจัยในปัจจุบัน และพบว่าดื่มได้อย่างปลอดภัย มีดังนี้
✅ การรักษาอาการปวดศีรษะ ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
✅ การเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
✅ การป้องกันโรคพาร์กินสัน ดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนวันละ 3-4 แก้ว โดยแต่ละงานวิจัยใช้กาแฟที่มีคาเฟอีนประมาณ 421-2,716 มิลลิกรัม แต่การดื่มประมาณ 124-208 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1-2 แก้วก็อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันได้เช่นกัน ทั้งนี้สำหรับผู้หญิงควรรับประทานประมาณวันละ 1-3 แก้ว จะให้ผลดีที่สุด
✅ การป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้รับคาเฟอีนในปริมาณวันละ 400 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือเทียบเท่ากับกาแฟมากกว่า 2 แก้ว อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด
ปฏิกิริยาของกาแฟกับยารักษาโรค
❌ ห้ามดื่มกาแฟร่วมกับยาเอฟีดรีน (Ephedrine) เพราะยาชนิดนี้มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทเช่นเดียวกับกาแฟ การรับประทานควบคู่กันอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงและมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตามที่ประกอบด้วยเอฟีดรีน
❌ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอลล์ร่วมกับกาแฟ เพราะแอลกอฮอลล์อาจกระตุ้นให้ร่างกายย่อยคาเฟอีนรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้มีสารคาเฟอีนในเลือดมากเกินไปจนได้รับผลข้างเคียงอย่างอาการสั่นกระตุก ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นเร็วได้
ดังนั้นควรดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะและถูกวิธีเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว 🤎