การชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรส (French Press) เป็นวิธีการชงกาแฟที่ง่ายที่สุด มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน ถือได้ว่าการชงกาแฟด้วยวิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง
ใช้วิธีการสกัดแบบ Immersion Methods หรือการแช่ คือจะนำผงกาแฟบดลงไปแช่กับน้ำผ่านเครื่อง French Press น้ำร้อนจะค่อย ๆ ทำปฏิกิริยากับผงกาแฟบด ก่อนจะปล่อยสารละลายออกมา กลั่นเป็นกาแฟเข้มข้น คงรสชาติและเอกลักษณ์ของกลิ่นได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นที่การชงแบบ French Press มอบให้กับเหล่าคอกาแฟ
การแช่ผงกาแฟลงในน้ำร้อนโดยตรง วิธีนี้จึงช่วยกักเก็บน้ำมันกาแฟไว้ได้อย่างสูงสุด กาแฟที่ได้ออกมาจึงเข้มข้น บอดี้แน่นและให้กลิ่นหอม คงเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟไว้ได้อย่างดี
2. ปรับแต่งรสชาติได้ตามต้องการ
การชงแบบ French Press มีอิสระในการปรับแต่งปริมาณและความเข้มของผงกาแฟ รวมถึงระยะเวลาในการแช่เพื่อให้ได้กาแฟสกัดเข้มข้นตามที่ใจต้องการ
3. ราคาเป็นมิตร
ในปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยที่ย่อมเยา เมื่อเทียบกับ Espresso Machine แล้ว French Press มีราคาถูกกว่ามากพอสมควร ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพิ่มก็ได้
อุปกรณ์และวัตถุดิบที่สำคัญ
1. เครื่องชงเฟรนช์เพรส (French Press : มีองค์ประกอบ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ก้านสูบมีฝาปิดและตัวกรองที่เป็นโลหะ ส่วนที่สองคือบีกเกอร์ (Beaker) สำหรับชง ซึ่งสามารถทำมาจากแก้ว พลาสติก โลหะ หรือเซรามิกก็ได้ (แต่ที่นิยมมากมักทำมาจากแก้ว)
2. เครื่องบดกาแฟ (Coffee Grinder) : มีทั้งแบบหมุนมือและแบบอัติโนมัติ
เครื่องบดกาแฟมือหมุน บดได้แม่นยำ Grind Size เท่ากัน คงกลิ่นและรสได้ดี : https://shope.ee/1qFVjQPoLR
3. เครื่องชั่งกาแฟ (Coffee Scale) / เครื่องจับเวลา (Timer) : เครื่องชั่งกาแฟที่มีความแม่นยำของเซ็นเซอร์สูง สามารถจับเวลาได้
4. ช้อนตวงกาแฟ (Measuring Spoon) : ช่วยให้ได้ปริมาณกาแฟที่พอเหมาะ และส่งผลให้รสชาติดี
5. กาไฟฟ้า (Coffee Kettle) : กาไฟฟ้าสำหรับชงกาแฟที่มีคอกาเรียวแหลม ปากของกาทำมุมน้ำตก 90 องศา แม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิ
6. เมล็ดกาแฟ (Coffee Ground) : เมล็ดกาแฟแบบคั่วกลาง – คั่วเข้ม
วิธีการชงกาแฟ
1. ต้มน้ำร้อน : เริ่มด้วยการต้มน้ำสะอาดให้ได้อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส
2. บดเมล็ดกาแฟ : นำเมล็ดกาแฟที่เตรียมไว้มาบดด้วยเครื่องบดกาแฟ บดผงกาแฟให้มีขนาดหยาบ (แนะนำว่าให้บดกาแฟอยู่ในขนาดประมาณฟิลเตอร์หรือน้ำตาลใส่กาแฟ)
3. อุ่นเครื่องชงกาแฟ : ให้นำน้ำร้อนที่ต้มไว้ มาเทลงในบีกเกอร์หรือเครื่องชงกาแฟ French Press กดลูกสูบขึ้นลงจนสุด แกว่งน้ำไปรอบ ๆ เล็กน้อย จากนั้นให้เทออก เพื่อเป็นการวอร์มเครื่องชง
4. เริ่มชงกาแฟ : เทผงกาแฟบดที่เตรียมไว้ลงในบีกเกอร์ (ใช้กาแฟ 1 g. ต่อน้ำ 17 ml.) เขย่าเล็กน้อยเพื่อเป็นการเกลี่ยผงกาแฟ ตามด้วยน้ำร้อน ขณะเทน้ำพยายามเทน้ำให้แรง และโดนขอบด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้เกิดน้ำวน ทำให้ผงกาแฟเปียกโดยทั่ว
5. ผสมและตั้งเวลา : เมื่อเทเสร็จแล้วให้ใส่ตัวกดครอบไว้ด้านบน โดยดันลูกสูบขึ้นไว้ในตำแหน่งสูงสุด แช่ทิ้งไว้และตั้งเวลาประมาณ 3 – 4 นาที
6. กดและเท : ขั้นตอน Press before Pour นับเป็นกิมมิกของการชงกาแฟรูปแบบนี้ เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ให้กดตัวกรองเพื่อแยกกากกาแฟกับน้ำกาแฟออกจากกัน ระหว่างที่กดก้านกรองกากกาแฟ พยายามกดอย่างช้า ๆ เพื่อเป็นบีบอัดเอาสารสกัดจากผงกาแฟขั้นตอนสุดท้าย จากนั้นเทใส่แก้วสำหรับดื่มได้เลย!
นอกจากอุปกรณ์และขั้นตอนการสกัดกาแฟที่ต้องใส่ใจ ยังมีอีกสิ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือการเลือกเมล็ดกาแฟให้เหมาะสำหรับการชงแบบ French Press ซึ่งระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟแบบคั่วกลางและเข้มจะได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นระดับที่พอดีกับระยะเวลาการแช่ และทำให้กรรมวิธีการชงนั้นเร็วขึ้นอีกด้วย!